บล๊อกที่สามสิบเอ็ดของฉัน ไปอุโมงค์ซากุระ คลองยอชวาชอนกันเถอะ

안녕하세요❗❗❗❗อันยองฮะเซโย ยอรูบุน ไปชมจุดชมซากุระแหล่งที่สองกันค่ะ นั่นคือ อุโมงค์ซากุระ คลองยอชวาชอน

อุโมงค์ซากุระ คลองยอชวาชอน – Yeojwacheon Stream  เป็นหนึ่งในจุดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในการชมดอกซากะของเมืองจินแฮ เริ่มเป็นที่รู้จักกันหลังจากซีรีย์เรื่อง Romance ออกอากาศเมื่อปี 2002 ซึ่งใช้คลองแห่งนี้เป็นฉากในการถ่ายทำ โด่งดังจนมีชื่อเรียกสะพานที่ใช้ข้ามคลองตามชื่อซีรีย์นั่นก็คือ Ramance Bridge

    ในทุกๆเดือนเมษายนของทุกปีซึ่งเป็นช่วงที่มีเทศกาลชมดอกซากุระ ที่คลองแห่งนี้จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมความงามของดอกซากุระ สามารถเดินเล่นได้ทั้งด้านบนสะพานและด้านล่างซึ่งจะมีทางเท้ายาวตลอดแนวเรียบไปกับคลองน้ำ และยังมีดอกเรปซีดซึ่งเป็นดอกไม้ต้นเล็กออกดอกสีเหลืองบานพร้อมกันซากุระอีกด้วย แต่ละปีก็จะมีการประดับตกแต่งบริเวณคลองในช่วงที่จัดงานเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นการนำร่มที่สีสันสดใสมาแขวนไว้หรือจะเป็นโคมรูปหัวใจน่ารักๆ และในช่วงตอนกลางคืนก็จะเปิดไฟประดับสวยงามมาก

ซึ่งในแต่ละฤดูกาลพื้นที่ก็จะแตกต่างกันออกไป

ที่มา:https://www.chilloutkorea.com/yeojwacheon-stream/

บล๊อกที่สามสิบของฉัน ไปทางรถไฟดอกซากุระคยองฮวา – Gyeonghwa Station

안녕하세요❗❗❗❗สวัสดีค่ะ วันนี้ไปชมทางรถไฟดอกซากุระคยองฮวาสถานีเล็กๆที่อยู่ที่เมืองจินแฮ – Gyeonghwa Station

        
        ทางรถไฟดอกซากุระคยองฮวา – Gyeonghwa Station เป็นหนึ่งในจุดชมซากุระที่สวยอันดับต้นๆของเกาหลีเลยก็ว่าได้ โดยสามารถมองเห็นรถไฟที่วิ่งมาจอดที่สถานีพร้อมกับวิวอุโมงค์ดอกซากุระที่เรียงรายกันอยู่เต็มทั้งสองข้างทางในช่วงประมาณต้นเดือนเมษายน สถานีรถไฟคยองฮวาแห่งนี้เป็นสถานีเล็กๆที่อยู่ที่เมืองจินแฮ (Jinhae) จังหวัดเคียงซังนัมโด (Gyeongsangnam-do) ได้มีการยกเลิกการใช้งานไปแล้วตั้งแต่ปี 2015 แต่จะเปิดให้รถไฟวิ่งเฉพาะในช่วงเทศกาล Jinhae Gunhangje Festival ซึ่งเป็นเทศกาลชมดอกซากุระที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ของเมืองจินแฮ แต่รถไฟนั้นจะไม่ได้มาจอดที่สถานี เพียงแต่ใช้เป็นทางผ่านไปยังสถานีอื่นๆ

ในช่วงต้นเดือนเมษายนนั้น ดอกซารุกะที่ขึ้นอยู่สองข้างริมทางรถไฟซึ่งมีความยาวประมาณ 800 เมตรก็จะบานพร้อมๆกัน จึงทำให้ผู้คนนิยมมาท่องเที่ยวถ่ายภาพขณะที่รถไฟกำลังวิ่งผ่าน ซึ่งจะมองเห็นวิวสวยๆของดอกซากุระเป็นฉากหลังด้วย นอกจากนี้ยังมีละครเกาหลีหลายเรื่องก็ใช้ทางรถไฟแห่งนี้เป็นฉากในการถ่ายทำ เช่น “Boy Goes to Heaven” (2005) และ “Spring Waltz” (2006)

ที่มา:https://www.chilloutkorea.com/gyeonghwa-station/

บล๊อกที่ยี่สิบเก้าของฉัน ไปตึก SM Town กันเถอะ

안녕하세요❗❗❗❗ พาเที่ยวพาฟินที่ SMTOWN และร้าน SUM @ Coex Atrium กรุงโซล

    รีวิวฉบับนี้จัดเต็มเอาใจแฟนคลับ ค่าย SM ของเกาหลี ด้วยการพาชมแหล่งฟินชาวติ่งที่ SM Town @ Coex Atrium กัน อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองโซลมากนัก นั่งจากเมียงดงประมาณ 30 นาที ติดกับห้าง Coex Starfield ที่มีห้องสมุดสุดชิคที่เพิ่งเปิดใหม่ 

SM Town แห่งนี้จะแบ่งเป็น 6 ชั้นแต่จะเปิดให้เข้าชมได้ แค่ 5 ชั้นเท่านั้น แต่ละชั้นก็จะมีทั้งรูปถ่ายศิลปินในค่ายในอริยาบถต่างๆให้ได้เดินดูไปจิ้นไป โดยจะมีทั้งร้านขายของที่ระลึก SUM ที่มีสินค้าให้เอากลับไปกรี๊ดกันต่อที่บ้าน หรือจะเป็น Cafe สุดมุ้งมิ้งที่ชั้น 4 พร้อมไอเทมธีมสีชมพู และที่สำคัญไฮไลท์ที่ชั้น 5 คือจะเป็น จุดชมการแสดงแบบ Hologram ของศิลปินต่างๆ และจุดถ่ายรูปแบบ VR ที่จะเหมือนกับมีศิลปินสุดที่รักของเราออกมายืนถ่ายรูปคู่ด้วย

สำหรับคนที่ไม่รู้ว่ามีศิลปินอะไรบ้างในค่าย SM ก็ตามนี้เลย 

Kangta

S.E.S.

BoA

TVXQ

 TRAX

CSJH The Grace

 Super Junior

Girls’ Generation

J-Min

Shinee

f(x)

 Henry

Zhou Mi

 EXO

 Red Velvet

NCT

H.O.T.

Fly to the Sky

 Shinhwa 

รวมทั้งนักแสดงอีกหลายคนเช่น Kim Min-jong

 และ Lee Yeon-hee

ร้าน SUM สำหรับแฟนคลับของค่าย SM

ที่มา:https://www.chilloutkorea.com/review-sm-town-coex-atrium/

บล๊อกที่ยี่สิบแปดของฉัน ไปสวนสาธารณะนัมซานกันเถอะ

안녕하세요❗❗❗❗สวนสาธารณะนัมซาน Namsan Park

สวนสาธารณะนัมซาน(Namsan Park, 남산 공원) เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ทั้งภูเขา และยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากอีกแห่งหนึ่งของกรุงโซล รวมทั้งมีถนนที่มีต้นซากุระเกาหลี หรือดอกพอทกวกอยู่ตลอดทางยาวที่สุดของกรุงโซล ภายในสวนคุณจะพบกับประภาคารบนเนินเขา Bonghwadae ตั้งอยู่ด้านบนภูเขาที่เคยเป็นเมืองศูนย์กลางหลักในสมัยราชวงศ์โชซอน ต่อมาได้เปลี่ยนมาเป็นฮันยาง หรือโซลในปัจจุบัน โดยมีการสร้างป้อมปราการไว้บนภูเขาสำคัญๆ 4 แห่ง ได้แก่ ภูเขาบูกักซาน(Mount Bukaksan), ภูเขาอินวังซาน(Mount Inwangsan), ภูเขานักซาน(Mount Naksan) และภูเขานัมซาน(Mount Namsan) นอกจากนี้ยังถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบวิวทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่สวยงาม

จากสถานที่ตั้งที่อยู่กลางกรุงโซลที่มีความเจริญทั้งด้านอาคารบ้านเรือนโดยมีสวนสาธารณะนัมซานที่ทั้งบริเวณมีภูเขาที่อุดมสมบูรณ์และต้นไม้นานาพันธุ์ที่ร่มรื่น โดยจะมีความสวยงามแตกต่างกันในทุกฤดู อีกทั้งยังสามารถชื่นชมความงดงามของโซลจากมุมสูงด้านบนภูเขานัมซานที่มีศาลาปัลกักจอง(Palgakjeong Pavilion) หรือโซลทาวเวอร์ (Seoul Tower) ความสูง 479.7 เมตร ที่สามารถดูทิวทัศน์ทั้งกลางวันและกลางคืนของทั้งกรุงโซลที่มีเสน่ห์แตกต่างกันไปอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีหออนุสรณ์ อัน จุง กึน(An Jung-geun Memorial Hall) ผู้นำคนสำคัญของเกาหลีในการต่อต้านยึดครองของญี่ปุ่น และเป็นที่ตั้งของสถานีเคเบิ้ลคาร์ไปยังโซลทาวเวอร์ (N Seoul Tower)ค่าบริการประเภทเที่ยวเดียว ผู้ใหญ่ราคา 6,000 วอน และเด็กราคา 3,500 วอน ส่วนค่าบริการประเภทไป – กลับ ผู้ใหญ่ราคา 8,000 วอน และเด็กราคา 5,000 วอน

photos by Jordi Sanchez Teruel from flickr.com/photos/sunxez/5656662730( cc by 2.0)

photos by Wei-Te Wong from commons.wikimedia.org/wiki/File:Wongwt_南山公園_(17128099431).jpg( cc by 2.0)

ที่มา:https://www.chilloutkorea.com/namsan-park/

บล๊อกที่ยี่สิบเจ็ดของฉัน ไปชายหาดแฮอุนแดกันเถอะ

안녕하세요❗❗❗❗ชายหาดแฮอุนแด (Haeundae Beach)

Haeundae Beach (해운대해수욕장) เป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ในประเทศเกาหลีใต้ อยู่ที่เมืองปูซาน (Busan)  ซึ่งเป็นเมืองในพื้นที่ของ จังหวัดคย็องซังใต้ (คย็องซังนัมโด, Gyeongsangnam-do) คำว่า “แฮอุนแด (Haeundae,해운대)” ถูกตั้งชื่อโดยนักปราชญ์นามว่า ชเวชีว็อน (Choe Chiwon, 최치원) ซึ่งเป็นนักวิชาการขงจื๊อเกาหลี, นักปรัชญา และกวีในสมัยปลายราชวงศ์ชิลลา (Silla Dynasty ค.ศ. 668 – ค.ศ. 935)

ชายหาดแฮอุนแดมีความยาว 1.5 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่กว่า 58,400 ตารางเมตร และเป็นสถานที่สำหรับจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม และงานเทศกาลต่างๆ ตลอดทั้งปี  ชายหาดแห่งนี้จึงมักเป็นที่นิยม สำหรับนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน ในระหว่างเดือนมิถุนายน ถึงเดือนสิงหาคมของทุกๆ ปี

บริเวณโดยรอบของชายหาดแห่งนี้ มีสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อความเพลิดเพลินสำหรับการท่องเที่ยวมากมาย ได้แก่ พิพิธภัณท์สัตว์น้ำ ซีไลฟ์ ปูซาน (SEA LIFE Busan Aquarium), ศูนย์วัฒนธรรม, ห้องสมุดชายหาด, ตลาดแฮอุนแดชิจัง (Haeundae Market), ร้านอาหารเกาหลี, ร้านอาหารนานาชาติ, โรงแรมหรูหราไปจนถึงเกสต์เฮาส์, สโมสรเรือยอชท์เดอะเบย์ 101 (The Bay 101 YACHT CLUB), สนามกอล์ฟ และอื่นๆ จึงทำให้ชายหาดแห่งนี้ เป็นจุดพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบ

ที่มา:https://www.jointtravel.com/south-korea-travel-information/haeundae-beach.html/

บล๊อกที่ยี่สิบหกของฉัน ไปเอเวอร์แลนด์กันเถอะ

안녕하세요❗❗❗❗เอเวอร์แลนด์ ดิสนีย์แลนด์เกาหลี

สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ หรือที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น ดิสนีย์แลนด์เกาหลี เป็นสวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่และดีที่สุดในเกาหลี ตั้งอยู่ในหุบเขาที่มีทัศนียภาพงดงาม ก่อตั้งโดยเจ้าของบริษัทซัมซุง ซึ่งมีลูกชาย 3 คน เมื่อลูกชายคนโตมีหลานชายคนแรกคุณปู่ก็เลยอยากสร้างสวนสนุกให้เป็นของขวัญ จึงซื้อภูเขา 1 ลูกเพื่อสร้างสวนสนุกที่อยู่กลางหุบเขา โดยจัดได้ว่าเป็น 1 ใน 4 สวนสนุกยอดนิยมของโลก เอเวอร์แลนด์ เป็นสวนสนุกขนาดใหญ่ที่แบ่งออกเป็นโซนถึง 5 โซน หากจะชมกันให้ทั่ว แนะนำว่าต้องเที่ยวทั้งวัน จะได้ชมให้ครบทุกโซน

Cr. hifipanda.com

เข้ามาด้านหน้า ซื้อตั๋วกันก่อน เข้าไปตามซุ้มตรงหน้า มีให้เลือกหลายซุ้มไม่แออัด แถมพนักงานที่นี่ยังสุภาพและเป็นมิตร ให้บริการดีมาก

เอเวอร์แลนด์โซนที่ 1 Global Fair

เข้าเอเวอร์แลนด์มาด่านแรก จะมาเจอกับโซน Global Fair จะได้พบกับการตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมต่างๆ ของโลกตะวันออกและตะวันตก ที่ผสมผสานเข้ากันได้อย่างลงตัว อย่างเมโสโปเตเมีย เรอเนสซองส์ ไปจนถึงแบบโมเดิร์น รูปแบบสวยงาม สีสันสดใส เหมาะกับเด็กๆ และครอบครัว ให้ได้ชื่นชมความงดงามและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันอย่างจุใจ อีกทั้งยังมีร้านกิฟท์ช้อป ร้านอาหารต่างๆ ราคาเป็นกันเอง

เอเวอร์แลนด์โซนที่ 2 Zootopia

เป็นโซนซาฟารี หรือสวนสัตว์นั่นเอง ส่วนใหญ่ผู้มาที่นี่จะไปเที่ยวโซนนี้กันก่อน โดยขึ้น Human Sky  กระเช้าลอยฟ้าที่ให้หย่อนขาชื่นชมบรรยากาศสองข้างทางผ่านหุบเขา เมื่อมาถึงจะได้พบกับสัตว์นานาชนิด ที่เป็นไฮไลท์เลยก็คือลูกไลเกอร์ (Liger) ที่เป็นลูกแฝดผสมที่เกิดขึ้นจากสิงโตเพศผู้และเสือเพศเมีย นับเป็นแฝดผสมเสือ-สิงโตคู่แรกในโลก นอกจากนี้ยังได้ชมการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจของหมี เพนกวิน แมวน้ำ และได้ชมสัตว์ต่างๆ อีก กว่า 20 ชนิด มากถึง 100 กว่าตัว

เอเวอร์แลนด์โซนที่ 3 European Adventure

โซน European Adventure ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามตามแบบยุโรป ทั้งตึกที่จำลองเป็นหมู่บ้าน และการแต่งสวนสวยสไตล์ฝรั่งเศส มีสวนดอกไม้สีสันสวยงามที่จะปรับเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ทั้งสวนกุหลาบ สวนทิวลิป สวนสี่ฤดู เป็นต้น มีร้านอาหารอยู่ในส่วนของ Holland Village และที่พลาดไม่ได้คือการเล่นเครื่องเล่นอีกหลากหลายชนิด

ที่เป็นไฮไลท์ของโซนนี้เลยก็คือ รถไฟเหาะ T Express ซึ่งเป็นรถไฟเหาะไม้ที่สูงที่สุดในโลกและมีความชันถึง 77 องศา วิ่งด้วยความเร็ว 104 กม. / ชั่วโมง ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องเล่นที่หวาดเสียวที่สุด ใครชอบความตื่นเต้นต้องไม่พลาด

เอเวอร์แลนด์โซนที่ 4 Magic Land

Magic Land ดินแดนแห่งเทพนิยายแฟนตาซี ที่ตกแต่งได้อย่างสวยงามราวกับเมืองในฝัน มี AESOP'S VILLAGE เป็นโลกแห่งนิทานอีสป ที่สอดแทรกเนื้อหาสอนใจผ่านตัวละครที่เป็นสัตว์น่ารักๆ มากมาย เป็นโซนที่เด็กๆ จะต้องชื่นชอบเป็นอย่างมาก โซนนี้มีเครื่องเล่นเบาๆ เหมาะกับเด็กๆ และครอบครัวให้เล่นหลากหลาย เช่น ม้าหมุน รถไฟเหาะสำหรับเด็ก เป็นต้น

เอเวอร์แลนด์โซนที่ 5 American Adventure

โซนนี้จะจำลองประเทศสหรัฐอเมริกาย้อนกลับไปตั้งแต่เริ่มต้นเมื่อ 500 ปีก่อน สมัยโคลัมบัสค้นพบประเทศอเมริกาใหม่ๆ เรื่อยมาจนกระทั้งยุคเฟื่องฟูของดนตรีร็อคแอนด์โรล ของ เอลวิส เพรสลีย์ ซึ่งทั้งโซนจะมีดนตรีประกอบเป็นจังหวะสนุกสนานเร้าใจเหมาะกับวัยรุ่นและผู้ใหญ่ เครื่องเล่นโซนนี้จะเป็นแบบผาดโผน และที่เป็นไฮไลท์ก็คือ เรือเหาะ Columbus Adventures, รถไฟเหาะ Rolling X-Train และ เครื่องเล่นปั่นๆ หมุน Let's Twist

เล่นกันครบทุกโซนแล้วยังไม่หมด ในตอนกลางคืนยังมีการแสดง Moonlight Parade และ Dream of Laciun ชมแสง สี เสียง สวยงามตระการตา ซึ่งการแสดงโชว์ และการจัดสวนในพื้นที่ต่างๆ จะหมุนเวียนปรับเปลี่ยนไปตามเทศกาลและฤดูกาลต่างๆ

เทศกาลดอกไม้

• เดือนเมษายน เทศกาลดอกทิวลิป(Tulip Garden) ดอกซากุระ (Cherry Blossom)
• เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน เทศกาลดอกกุหลาบ (Rose Garden) ดอกลิลลี่ (Lily Garden)
• เดือนกันยา-ตุลาคม เทศกาลดอกกุหลาบเบญจมาศ (Chrysanthemun Garden)

เทศกาลตามฤดูกาล

• เดือนสิงหาคม สีสันแห่งฤดูร้อน (Summer Splash)
• เดือนตุลาคม เทศกาลฮาลาวีน (Happy Halloween)
• เดือนธันวาคม เทศกาลคริสต์มาส
• เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ เทศกาลหิมะและการเล่นเลื่อนหิมะ

• ค่าผ่านประตูรวมค่าเครื่องเล่น : ผู้ใหญ่ (13 ปีขึ้นไป) 33,000 วอน / เด็ก (4-12 ปี) 22,000 วอน

• เวลาเปิดบริการ : 09.30-20.00 น. (เดือนมีนาคม-ตุลาคม เปิดถึง 22.00 น.)

ที่มา:https://www.wonderfulpackage.com/article/v/56/

บล๊อกที่ยี่สิบห้าของฉัน ไปหมู่บ้านบุกชอนฮันอกกันเถอะ

안녕하세요❗❗❗❗ วันนี้บีมจะพาทุกคนไปยังหมู่บ้านโบราณ ที่มีคนอาศัยอยู่กันค่ะ นั่นคือ หมู่บ้านบุกชอนฮันอก ไปกัน

        หมู่บ้านบุกชอนฮันอก (Bukchon Hanok Village) หรือบางคนเรียกว่า หมู่บ้านบุคชอนฮันอ๊ก เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเกาหลี ท่ามกลางตึกรามบ้านช่องที่ทันสมัยของกรุงโซลนั้น หมู่บ้านแห่งนี้ก็ยังคงรักษาอาคารบ้านเรือนในสมัยโบราณ มีกลิ่นอายของเกาหลีในยุคเก่าแก่ เหมาะสำหรับคนที่ชอบสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ หมู่บ้านบุกชอนฮันอกถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่เมื่อนักท่องเที่ยวได้ไปเยือนแล้ว จะได้พบกับบ้านของขุนนางระดับสูงของเกาหลีในสมัยก่อน ภายในหมู่บ้านมีอาคารแบบดั้งเดิมของเกาหลีกว่า 100 หลัง (รูปแบบบ้านแบบดั้งเดิมของเกาหลีเรียกว่า ฮันอก(hanok)) ซึ่งเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยโชซอน ส่วนชื่อ บุคชอน(Bukchon) แปลว่าหมู่บ้านทางตอนเหนือ ซึ่งตั้งตามตำแหน่งที่อยู่ทางทิศเหนือของสถานที่สำคัญ 2 แห่งของกรุงโซล คือ คลองชองกเยชอน(Cheonggyecheon Stream) กับ จงโร(Jongno)

         ในปัจจุบันนี้บ้านฮันอกหลายหลังในหมู่บ้านถูกดัดแปลงให้เป็นศูนย์วัฒนธรรม เกสต์เฮ้าส์ ร้านอาหาร และโรงน้ำชา เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเพื่อสัมผัสและเรียนรู้วัฒนธรรมเกาหลีแบบดั้งเดิม และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญก็คือหมู่บ้านนี้เป็นย่านที่มีคนเกาหลีอยู่อาศัยกันจริงๆภายในบ้าน  ดังนั้นหากเราไปเดินเที่ยวก็ขอความร่วมมือให้งดใช้เสียงดัง เพราะจะเป็นการรบกวนชาวเกาหลีที่อาศัยอยู่ในบ้าน

      ที่บริเวณหมู่บ้านนั้นจะมีไกด์อาสาอยู่ ซึ่งจะคอยให้คำแนะนำในการเดินเที่ยวชมจุดต่างๆของหมู่บ้าน มีการแจกแผนที่ให้สำหรับนักท่องเที่ยว โดยในแผนที่นั้นจะบอกมุมถ่ายรูปห้ามพลาดซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 8 จุด ให้เดินตามเส้นทางในแผนที่ที่ได้รับมาก็จะเที่ยวครบทั้งหมู่บ้าน

หมู่บ้านบุคชอนฮันอกนั้นถูกล้อมรอบด้วยสถานที่เชิงประวัติศาสตร์ซึ่งปัจจุบันกลายได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น พระราชวังเคียงบกกุง(Gyeongbokgung Palace), พระราชวังชางด๊อกกุง (Changdeokgung Palace) และ ศาลเจ้าจองเมียว(Jongmyo Shrine) ซึ่งเราเที่ยวชมหมู่บ้านเสร็จแล้วก็สามารถเดินไปเที่ยวต่อยังสถานีเหล่านี้ได้

ที่มา:https://www.chilloutkorea.com/bukchon-hanok-village/

บล๊อกที่ยี่สิบสี่ของฉัน ไปสวนสาธารณะโอลิมปิกกันเถอะ

안녕하세요❗❗❗❗ สวนสาธารณะโอลิมปิก Olympic Park

สวนสาธารณะโอลิมปิก(Olympic Park) เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ทางพื้นที่ในสมัยอาณาจักรแบคแจร่วมกับสถาปัตยกรรมอันทันสมัยของสนามกีฬา ล้อมรอบด้วยป่าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสนามหญ้าขนาดกว้าง ซึ่งเป็นมรดกของงานกีฬาโอลิมปิกกรุงโซลในปี 1988 นั่นเอง โดยปัจจุบันเปิดให้เป็นสวนสาธารณะที่เหมาะสำหรับการมาเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1.45 ล้านตารางเมตร แบ่งพื้นที่ออกเป็นหลายโซน เช่น สวนกีฬา สวนศิลปะวัฒนธรรม สวนธรรมชาติเชิงนิเวศ และอุทยานประวัติศาสตร์

เนื่องจากสวนแห่งนี้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ จึงต้องใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงในการเดินชม(ควรศึกษาทางเข้าและทางออก และเส้นทางการเดินสักเล็กน้อย) หรือเพื่อเป็นการประหยัดเวลานักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถราง(Hodori Train) ที่ตั้งอยู่ติดกับ Peace Square

Photo from olympicpark.co.kr

ที่มา:https://www.chilloutkorea.com/olympic-park/

บล๊อกที่ยี่สิบสามของฉัน ไปเกาะนามิกันเถอะ

안녕하세요❗❗❗❗ เกาะนามิ ที่สุดของแหล่งท่อเที่ยวสุดโรแมนติก แห่งประเทศเกาหลีใต้

เชื่อได้เลยว่าสถานที่ท่องเที่ยวในเกาหลีใต้ที่ใครๆ ก็รู้จักคงหนีไม่พ้นเกาะนามิ เกาะอันโด่งดังจากภาพยนตร์และซีรีส์ทั้งของไทยและเกาหลีใต้หลากหลายเรื่อง เกาะนามิหรือนามิโซมนั้นเป็นเกาะรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวกลางทะเลสาบชองเพียง (Cheongpyeong Lake) มีเนื้อที่ประมาณ 270 ไร่ เกาะแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนยอดนิยมเพราะมีความอุดมสมบูรณ์พร้อมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงาม อีกทั้งยังมีสถานที่น่าสนใจอีกหลากหลายบนเกาะ ไม่ว่าจะเป็นสวนน้ำ สวนสนุก และมุมร้านอาหาร คาเฟ่ต่างๆ ให้เพื่อนๆ ได้ไปเที่ยวชมและทำกิจกรรมกัน แถมบนเกาะนามินั้นยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ อีกเพียบด้วย

เกาะนามิ ที่สุดของที่เที่ยวโรแมนติกแห่งเกาหลีใต้

มุมถ่ายรูปห้ามพลาดบนเกาะนามิ

ภาพจาก : iStockPhoto

อุโมงค์ต้นแปะก๊วย : อุโมงค์ต้นแปะก๊วยหรืออุโมงค์ต้นกิงโกะสีเหลืองนั้นเป็นแลนด์มาร์กห้ามพลาดเมื่อมาท่องเที่ยวเกาะนามิ ถ้าหากมาในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ต้นแปะก๊วยจะเป็นสีเหลืองทั้งต้น เกิดเป็นอุโมงค์ธรรมชาติสีเหลืองสวยงามตระการตา จะมาถ่ายรูปกับแฟนก็โรแมนติกสุดๆ หรือถ้ามากับเพื่อน หรือมาถ่ายคนเดียวก็เก๋ไก๋ไปอีกแบบ อุโมงค์ต้นแปะก๊วยนี้อยู่ช่วงท้ายๆ ของเกาะ เดินตรงมาจากท่าเรือก็จะเจอได้ไม่ยาก

ภาพจาก : www.facebook.com/namisum

อุโมงค์ต้นสน : อีกหนึ่งอุโมงค์อันสวยงามคืออุโมงค์ต้นสนสูงใหญ่ที่เรียงรายกันอยู่เป็นทาง ยิ่งถ้ามาในฤดูร้อน ต้นไม้จะเขียวชอุ่มงดงามเป็นอย่างยิ่ง รับรองว่าถ้าเตรียมชุดสวยๆ ไปถ่ายรูปตรงนี้ล่ะก็ ปังแน่นอน! แถมอุโมงค์นี้ยังมีข้อดีตรงที่หาไม่ยาก เมื่อลงจากท่าเรือแล้วเดินเข้าไปเพียงนิดเดียวก็จะพบกับอุโมงค์ต้นสนอยู่ทางขวามือเลย

ภาพจาก : www.expedia.com

รูปปั้นเบ ยองจุน และชเว จีวู : หากใครเป็นแฟนซีรีส์เกาหลีจะต้องรู้จักซีรีส์คลาสสิกสุดโรแมนติกเรื่องเพลงรักในสายลมหนาว หรือ Winter Sonata เป็นอย่างดีแน่นอน บนเกาะนามิแห่งนี้ก็มีรูปปั้นของเบ ยองจุน และชเว จีวู พระเอก-นางเอกของซีรีส์เรื่องนี้อยู่ด้วย รูปปั้นคู่นี้หาไม่ยากเลย เมื่อเพื่อนๆ เดินทางไปถึงเกาะจะเห็นโซนขายอาหารอยู่ทางขวามือ รูปปั้นของทั้งคู่จะอยู่บริเวณด้านหลังของโซนขายอาหารนั่นเอง สามารถแวะไปแชะภาพกันได้ง่ายๆ

การเดินทางไปยังเกาะนามิ

เพื่อนๆ สามารถนั่งเครื่องบินจากประเทศไทยไปลงท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน จากนั้นนั่งรถบัสสาย 6030 จากสนามบินไปยังสถานียงซาน (Yongsan) แล้วก็นั่งรถไฟ ITX ไปลงที่สถานีกาพยอง (Gapyeong) ค่าใช้จ่ายประมาณ 16,700 KRW – 27,000 KRW จากนั้นเพื่อนๆ สามารถเลือกได้ว่าจะเดินทางข้ามไปยังเกาะนามิด้วยวิธีใด มี 2 วิธีให้เพื่อนๆ เลือกด้วยกัน

ภาพจาก : iStockPhoto

นั่งเรือเฟอร์รี่ : หากเพื่อนๆ เลือกที่จะนั่งเรือเฟอร์รี่ จะต้องนั่งรถแท็กซี่ไปยังท่าเรือเกาะนามิ ซึ่งใช้เวลา 10 นาที ค่าแท็กซี่ประมาณ 3,000 KRW จากนั้นจะต้องซื้อตั๋วสำหรับเรือเฟอร์รี่ซึ่งจะรวมกับตั๋วเข้าชมเกาะ ราคา 8,000 KRW สำหรับผู้ใหญ่ และ 4,000 KRW สำหรับเด็ก (อายุต่ำกว่า 3 ขวบ) เรือเฟอร์รี่นี้จะให้บริการทุก 30 นาที ตั้งแต่ 7.30 – 21.40 น.

ภาพจาก : www.ziprider.com

โหนสลิง : อีกหนึ่งวิธีเดินทางที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ไม่กลัวความสูงและชอบความมันส์ก็ต้องเป็นการโหนสลิง หากเพื่อนๆ อยากจะโหนสลิงข้ามไปยังเกาะนามิจะต้องนั่งแท็กซี่จากสถานีไปยังตึกซิบไวร์ (Zip Wire) สำหรับวิธีนี้ จะมีค่าบริการโหนสลิงขาไปกับค่าเรือเฟอร์รี่ขากลับ เมื่อรวมกับค่าเข้าชมเกาะนามิแล้วเป็นเงินทั้งหมด 38,000 KRW กิจกรรมโหนสลิงนี้เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 9.00 – 18.00 น.

หากใครคิดว่าเกาะนามินั้นไปเที่ยวได้แค่เพียงในช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือฤดูหนาว ขอบอกได้เลยว่าคิดผิด ความจริงแล้วเกาะนามินั้นสามารถไปท่องเที่ยวได้ทุกฤดู จะร้อน จะหนาวก็สามารถไปได้ ความสวยงามในแต่ละช่วงจะแตกต่างกันออกไป แถมกิจกรรมในแต่ละฤดูก็ไม่เหมือนกันอีกด้วย หากใครอยากจะรู้แล้วว่าแต่ละฤดูนั้นมีอะไรน่าสนใจก็รีบเลื่อนลงไปอ่านกันเลยดีกว่า

ที่มา: https://travelblog.expedia.co.th/asia/bd04_april18/